เมนู

บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย....ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน
พระอริฏฐะผู้เกิดในตระกูลพรานแร้ง ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม ฐานไม่
สละทิฏฐิอันเป็นบาปแล้ว จึงได้สึกเสียล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระ
ผู้มีพระภาคเจ้า.

ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม


[311] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์
ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถาม
ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า ภิกษุอริฏฐะผู้เกิดใน
ตระกูลพรานแร้ง ถูกสงฆ์สงอุกเขปนียกรรม ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็น
บาปแล้วสึกเสีย จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียน


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน
โมฆบุรุษนั้น ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาปแล้ว
จึงได้สึกเสียเล่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การกระทำของโมฆบุรุษนั้นนั่น ไม่เป็นไป
เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส........ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา
รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงระงับ
อุกเขปนียกรรม ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาป.

วัตรที่ไม่ควรระงับ 18 ข้อ 3 หมวด


หมวดที่ 1


[312] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงฆ์ไม่พึงระงับอุกเขปนียกรรม
ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาป แก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 8 คือ :-
1. ให้อุปสมบท
2. ให้นิสัย
3. ให้สามเณรอุปัฏฐาก
4. รับสมมติเป็นผู้สั่งสอนภิกษุณี
5. แม้ได้รับสมมติแล้ว ก็ยังสั่งสอนภิกษุณี
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยองค์ 5 นี้แล สงฆ์ไม่พึง
ระงับอุกเขปนียกรรม ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาป.

หมวดที่ 2


[313] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงฆ์ไม่พึงระงับอุกเขปนียกรรม
ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาป แก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ 5 แม้อื่นอีก
คือ:-
1. สงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม ฐานไม่สละทิฏฐิอันเป็นบาป เพราะ
อาบัติใด ต้องอาบัตินั้น
2. ต้องอาบัติอื่นอันเช่นกัน
3. ต้องอาบัติอันเลวทรามกว่านั้น
4. ติกรรม